สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงระยะเวลาและรายละเอียดในการรายงานการถือครองหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของกรรมการ ผู้บริหาร และผู้สอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนเพื่อลดการรายงานที่ซ้ำซ้อนและเพิ่มความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ตามแนวทาง Regulatory Guillotine โดยผู้ที่ใช้ข้อมูลยังได้รับข้อมูลที่เพียงพอในระยะเวลาที่เหมาะสมตามที่สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ทบทวนหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรายงานการถือครองหลักทรัพย์ (ได้แก่ หุ้น และหลักทรัพย์แปลงสภาพ) หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ของกรรมการ และผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงของผู้สอบบัญชี และเสนอแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อลดการรายงานที่ซ้ำซ้อนและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผู้มีหน้าที่รายงาน ในขณะที่ผู้ใช้ข้อมูลยังได้รับข้อมูลที่เพียงพอและในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งได้นำข้อเสนอแนะที่ได้จากการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักการต่อเรื่องดังกล่าวเมื่อปลายปี 2565 มาปรับปรุงถ้อยคำของหลักเกณฑ์ให้มีความชัดเจนขึ้น ก.ล.ต. จึงเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศซึ่งได้ปรับปรุงรายละเอียดเพิ่มเติมโดยมีสรุปสาระสำคัญ ดังนี้(1) การปรับปรุงระยะเวลารายงานในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครอง โดยยืดระยะเวลาการรายงานให้แก่รายการขนาดเล็ก และสามารถรวมรายการขนาดเล็กเพื่อรายงานในคราวเดียวกันได้(2) การยกเว้นการรายงานของกรรมการหรือผู้บริหารที่เป็นคู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ที่เป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียนเดียวกัน หากรายใดรายหนึ่งรายงานต่อ ก.ล.ต. แล้ว ก็ถือว่าครบถ้วนเพื่อลดความซ้ำซ้อนของการรายงาน(3) การยกเว้นหน้าที่ในการรายงานในกรณีที่หลักทรัพย์ หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่นำไปวางไว้เป็นหลักประกันถูกขายทอดตลาด หรือ force sell เนื่องจากเป็นการดำเนินการโดยบุคคลอื่น ซึ่งอาจทำให้ผู้เป็นเจ้าของไม่สามารถรายงานต่อ ก.ล.ต. ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด(4) การกำหนดวันในการรายงานกรณีได้รับหุ้นเพิ่มทุนและหลักทรัพย์แปลงสภาพในประกาศให้มีความชัดเจนทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=920 ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถศึกษาและแสดงความคิดเห็นได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. หรือ e-mail corporat@sec.or.th จนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2566
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกล. โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินการเซ็นสัญญากับ บริษัท โกล. มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด หรือ GML ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ปตท. (PTT) ในการให้บริการให้เช่าตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) พร้อมด้วยอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้า (Clip-on Genset) จำนวน 300 ตู้ สำหรับส่งสินค้าประเภทผลไม้สดไปยังประเทศจีน โดยสัญญามีระยะเวลาครอบคลุมการบริการต่อเนื่อง 3 ปีGML เป็นบริษัทที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์และแพลตฟอร์มแบบครบวงจรทั้งทางราง ทางทะเล ทางบกและทางอากาศ รวมถึงการบริหารจัดการคลังสินค้าห้องเย็น ซึ่งความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจระหว่าง LEO และ GML นี้ มีเป้าหมายในการรองรับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งเป้าหมายการส่งออกผลไม้สดและแปรรูปไว้ ที่ 4.44 ล้านตัน (เพิ่มจากปีก่อน 10%)โดยเฉพาะด้านการส่งออกทุเรียน ซึ่งในปี 66 ตั้งเป้าการส่งออกทุเรียนให้ได้ 100,000 ล้านบาท
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกล. โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินการเซ็นสัญญากับ บริษัท โกล. มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด หรือ GML ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ปตท. (PTT) ในการให้บริการให้เช่าตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) พร้อมด้วยอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้า (Clip-on Genset) จำนวน 300 ตู้ สำหรับส่งสินค้าประเภทผลไม้สดไปยังประเทศจีน โดยสัญญามีระยะเวลาครอบคลุมการบริการต่อเนื่อง 3 ปีGML เป็นบริษัทที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์และแพลตฟอร์มแบบครบวงจรทั้งทางราง ทางทะเล ทางบกและทางอากาศ รวมถึงการบริหารจัดการคลังสินค้าห้องเย็น ซึ่งความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจระหว่าง LEO และ GML นี้ มีเป้าหมายในการรองรับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งเป้าหมายการส่งออกผลไม้สดและแปรรูปไว้ ที่ 4.44 ล้านตัน (เพิ่มจากปีก่อน 10%)โดยเฉพาะด้านการส่งออกทุเรียน ซึ่งในปี 66 ตั้งเป้าการส่งออกทุเรียนให้ได้ 100,000 ล้านบาท